คำชี้แจงการคุ้มครองข้อมูล
ข้อมูลทั่วไป
Sonova AG ก่อตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ ในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งมีที่อยู่ตามทะเบียนที่ Laubisrütistrasse 28, 8712 Stäfa, Switzerland และดำเนินธุรกิจโดยมีบริษัทในเครือหลายแห่งทั่วโลก (เรียกรวมกันว่า “บริษัท” หรือ “เรา” หรือ “ของเรา”)
เนื่องจากบริษัทต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในการดำเนินธุรกิจแต่ละวัน จึงมีการร่างนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับสากลนี้ (“นโยบาย”) และนำมาใช้เพื่อชี้แจงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับลูกค้า ผู้รับจ้าง และพันธมิตร (“เจ้าของข้อมูล”) บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเคารพต่อความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล และมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามนโยบายนี้ให้สอดคล้องกับกฎหมายในท้องถิ่นที่ใช้บังคับ
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึงข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลธรรมดาที่ระบุตัวตนหรือสามารถระบุตัวตนได้
“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการหรือชุดการดำเนินการใดๆ ที่กระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการโดยอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม บันทึก จัดระเบียบ จัดโครงสร้าง จัดเก็บ ปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลง กู้คืน ศึกษา ใช้ เปิดเผยโดยการส่งต่อ แจกจ่าย หรือทำให้นำไปใช้ได้ จัดเรียงหรือผสมผสาน จำกัด ลบ หรือทำลาย
กฎหมายที่ใช้บังคับของนโยบาย
บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ (“กฎหมายที่ใช้บังคับ”) ดังนั้น การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับในท้องถิ่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่เป็นสถานที่ก่อตั้งบริษัทนี้ แม้ข้อกำหนดบางอย่างอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล และนโยบายนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางสากลซึ่งบริษัทยึดมั่นด้วย
กล่าวคือ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายต่อไปนี้ หากมีผลใช้บังคับ:
- ข้อบังคับ (EU) 2016/679 ของรัฐสภายุโรปและคณะมนตรียุโรป ลงวันที่ 27 เมษายน 2016 ว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลธรรมดาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและการเคลื่อนย้ายอย่างอิสระของข้อมูลดังกล่าว และการยกเลิก Directive 95/46/EC (ข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป) (“GDPR”) ข้อบังคับ GDPR มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสอดคล้องและกำหนดกรอบให้กฎต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายในอาณาเขตของสหภาพยุโรปเพื่อเป็นกรอบกฎหมายที่เป็นหนึ่งเดียวให้กับผู้เชี่ยวชาญ และเพิ่มความสามารถให้แก่พลเมืองในการควบคุมการใช้งานที่อาจเกิดจากข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ข้อบังคับนี้มีผลใช้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพลเมืองหรือผู้พำนักอาศัยในสหภาพยุโรป และสำหรับกิจกรรมของผู้ควบคุมหรือประมวลผลข้อมูลภายในเขตแดนสหภาพยุโรป
- กฎหมายสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล ลงวันที่ 19 มิถุนายน 1992 (“FADP”) ฉบับปรับปรุงในปี 2020 เพื่อให้เหมาะสมกับข้อบังคับด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันและสอดคล้องกับ GDPR รวมถึงข้อบังคับใหม่อื่นๆ ในยุโรป
- กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคในแคลิฟอร์เนียปี 2018 (“CCPA”) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและรับประกันสิทธิที่มากขึ้นของผู้บริโภคที่พำนักในแคลิฟอร์เนียและถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทต่างๆ
- กฎหมายว่าด้วยการโยกย้ายและความรับผิดชอบของประกันสุขภาพปี 1996 (“HIPAA”) ซึ่งกำหนดกฎระเบียบของสหรัฐอเมริกาในการประมวลผลข้อมูลด้านสุขภาพด้วยวิธีการแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยผู้ดำเนินการด้านสุขภาพและพันธมิตรทางธุรกิจ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- ข้อมูลระบุตัวตน: นามสกุล ชื่อ สัญชาติ และวันเดือนปีเกิด
- ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ: ที่อยู่ทางไปรษณีย์ หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว ที่อยู่อีเมลส่วนตัว และข้อมูลการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
- หมายเลขประกันสังคมและบริษัทประกัน
- ข้อมูลด้านการเงิน: ช่องทางการชำระเงิน สถาบันการเงิน และ IBAN
- ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ใช้: น้ำหนัก ส่วนสูง ปัญหาสุขภาพ ใบสั่งยาจากแพทย์ ความสามารถในการได้ยิน การติดตามกิจกรรมทางร่างกาย (การนับก้าว ระดับความหนักในการออกกำลังกาย ระยะเวลาการออกกำลังกาย) ข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถภาพของร่างกาย (อัตราการเต้นของหัวใจ การใช้พลังงาน ความดันโลหิต)
- ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์
- ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าเคยซื้อ: รุ่น หมายเลขซีเรียล ข้อมูลการใช้งาน
- ข้อมูลเกี่ยวกับบริการที่ได้รับ
- ข้อมูลเกี่ยวกับคำติชมที่ลูกค้ามีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของเรา: ความคิดเห็นและข้อความ
นอกจากนี้ เนื่องจากกิจกรรมของเรามุ่งเน้นไปที่การผลิตโซลูชันเครื่องช่วยฟังอันล้ำสมัยเป็นหลัก เราจึงอาจมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นความลับและข้อมูลด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นความลับเหล่านี้อาจได้รับประโยชน์จากการคุ้มครองที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านมาตรการความปลอดภัยและการรักษาความลับที่นำมาใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศที่เจ้าของข้อมูลพำนักอยู่
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
หลักการทางกฎหมายต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักการพื้นฐานที่บริษัทใช้ในการดำเนินการเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อาจมีการนำหลักการทางกฎหมายอื่นๆ มาใช้ ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เจ้าของข้อมูลพำนักอยู่และกฎหมายที่ใช้บังคับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างอาจเป็นไปตามความยินยอมของเจ้าของข้อมูล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์นี้อาจได้แก่
- วัตถุประสงค์ด้านการตลาด เช่น การส่งจดหมายข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
- เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเรา
- เพื่อให้คำแนะนำและโต้ตอบกับคุณ: เพื่อการสร้างบัญชีของคุณ เพื่อติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มการติดต่อ เพื่อให้ Sonova ตอบกลับไปยังผู้ใช้ เพื่อทำแบบทดสอบการได้ยินออนไลน์
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดำเนินการอาจเป็นไปตามการปฏิบัติตามสัญญาหรือขั้นตอนก่อนการทำสัญญากับเจ้าของข้อมูล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์นี้อาจได้แก่
- การดำเนินการตามข้อผูกพันทางสัญญาของเราที่มีต่อเจ้าของข้อมูล
- การให้บริการหลังการขายหลังลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์
- การประมวลผลเกี่ยวกับประกันสังคม / ประกัน
- การจัดการข้อเรียกร้อง
นอกจากนี้ บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของเรา ประสบการณ์ของลูกค้า และกระบวนการภายในต่างๆ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์นี้อาจได้แก่
- การวิเคราะห์ทางสถิติ/การใช้งาน
- การดำเนินงานด้านการบริหารจัดการภายใน
- การดำเนินการตามคำขอของลูกค้า
- การป้องกันกิจกรรมการฉ้อโกงและปรับปรุงความปลอดภัย
- การจัดการความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูล
- การประเมินความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์และบริการของเรา
และบริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ทั้งนี้ การประมวลผลตามข้อกำหนดทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับกฎหมายที่ใช้บังคับ
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเก็บไว้นานเกินความจำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น ซึ่งหมายความว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกลบทันทีที่วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นลุล่วงแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานกว่านั้นหากจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับหรือหากจำเป็นต้องปกป้องหรือใช้สิทธิของเรา โดยอยู่ภายในขอบเขตที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับอนุญาตให้ทำได้
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษา บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในคลังภายในระยะเวลาและการเข้าถึงที่จำกัดเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ระยะเวลาในการเก็บรักษาอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเทศที่เจ้าของข้อมูลพำนักอยู่และเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณกับบุคคลที่สามต่อไปนี้ตามความยินยอมของคุณหรือหลักการทางกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- บริษัทอื่นๆ ในกลุ่มบริษัทของเรา เช่น บริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ
- พันธมิตรทางธุรกิจที่เราไว้ใจและให้บริการในนามของเรา เช่น เพื่อการสนับสนุนด้านเทคนิค เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด หรือเพื่อการส่งมอบบริการประเภทอื่นๆ
- หน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐ เท่าที่จำเป็นสำหรับการมอบบริการใดๆ ที่มีการร้องขอหรือได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องสิทธิของลูกค้า ผู้รับจ้าง และพันธมิตร หรือสิทธิ ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของเราหรือของผู้อื่น เพื่อรักษาความปลอดภัยของบริการของเราหรือหากเราจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าวเนื่องจาก กฎหมายที่ใช้บังคับ ข้อบังคับอื่นๆ จากศาลหรือรัฐบาล หรือหากการเปิดเผยดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการสนับสนุนการดำเนินการสืบสวนตามกฎหมายหรือคดีอาญาหรือการดำเนินคดีใดๆ
เราจะทำสัญญากับบุคคลที่สามบางรายเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกประมวลผลตามคำแนะนำของเราและเป็นไปตามนโยบายนี้รวมถึงมาตรการรักษาความลับและความปลอดภัยอื่นๆ ที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับกฎหมายที่ใช้บังคับ
การถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล
บุคคลที่สามที่ระบุไว้ข้างต้น เช่น บริษัทในเครือหรือบริษัทย่อย รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจและหน่วยงานรัฐที่เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอาจอยู่ภายนอกประเทศที่เจ้าของข้อมูลพำนักอยู่ ซึ่งอาจรวมถึงประเทศที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลแตกต่างไปจากกฎหมายในประเทศที่เจ้าของข้อมูลอาศัยอยู่
หากข้อมูลส่วนบุคคลถูกประมวลผลภายในสหภาพยุโรป/เขตเศรษฐกิจยุโรป และในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สามในประเทศที่พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถให้การคุ้มครองในระดับที่เพียงพอได้ตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปกำหนดไว้ บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติดังต่อไปนี้
- มีการใช้ขั้นตอนปฏิบัติที่เพียงพอเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำเป็นต้องมีการขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีอำนาจ
- มีการป้องกันในองค์กร ทางเทคนิค และทางกฎหมายที่เหมาะสมในการควบคุมการถ่ายโอนดังกล่าว และเพื่อให้แน่ใจว่ามีระดับการคุ้มครองที่จำเป็นและเพียงพอภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ
- มีการใช้ข้อสัญญามาตรฐานตามที่คณะกรรมาธิการยุโรปนำมาใช้ หากจำเป็น
- หากจำเป็น ใช้มาตรการเสริม เช่น ทำแบบประเมินความเพียงพอสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลหากว่าหลังการประเมินสถานการณ์การถ่ายโอนและหลังการประเมินการบัญญัติกฎหมายของประเทศบุคคลที่สามนั้น พบว่าการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ถ่ายโอนมีความจำเป็น
หากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ถูกประมวลผลภายในสหภาพยุโรป/เขตเศรษฐกิจยุโรป และในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สามที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยใช้กลไกทางกฎหมายที่เหมาะสม กลไกเหล่านี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเทศและกฎหมายที่ใช้บังคับที่เกี่ยวข้อง
ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทใช้มาตรการความปลอดภัยที่หลากหลายตามกฎหมายที่ใช้บังคับ เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากเหตุการณ์ผิดปกติด้านความปลอดภัยหรือการเปิดเผยที่ไม่ได้รับอนุญาต และโดยมากจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการความปลอดภัยเหล่านี้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมในอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากมาตรการอื่นๆ แล้ว ยังรวมถึงการควบคุมการเข้าถึง รหัสผ่าน การเข้ารหัส และการประเมินความปลอดภัยเป็นประจำ
หากเกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการละเมิดความปลอดภัยซึ่งทำให้เกิดการทำลาย สูญหาย ดัดแปลง การเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกส่งต่อ จัดเก็บ หรือประมวลผลโดยไม่เจตนาหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม เช่น
- สืบสวนและวิเคราะห์เพื่อระบุผลที่เกิดขึ้นจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การละเมิดนั้นมีโอกาสทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิและอิสรภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือไม่
- หากการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงต่อสิทธิและอิสรภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบ บริษัทจะแจ้งให้หน่วยงานผู้มีอำนาจทราบ และในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง จะสื่อสารไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบ
- ดำเนินการใช้มาตรการที่จำเป็นให้เร็วที่สุดเพื่อเยียวยาและบรรเทาผลจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- บันทึกการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เพื่อให้สามารถติดตามได้
มาตรการและขั้นตอนปฏิบัติที่เหมาะสมในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเทศที่เกิดการละเมิด ประเภทของการละเมิด และขึ้นอยู่กับกฎหมายที่ใช้บังคับที่เกี่ยวข้อง
สิทธิความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
ดังที่อาจแตกต่างกันไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับที่เกี่ยวข้อง เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เช่น สิทธิในการขอให้มีการเข้าถึง แก้ไข ลบข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง จำกัดการประมวลผล คัดค้านการประมวลผล ขอเคลื่อนย้ายข้อมูล ขอทราบข้อมูล และเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามความยินยอมของตนเอง นอกจากนี้ เจ้าของข้อมูลยังสามารถคัดค้านการตัดสินใจโดยอัตโนมัติหากมีความกังวลเกี่ยวกับการประมวลผลดังกล่าว
นอกจากนี้ ในเขตอำนาจรัฐบางแห่ง คุณยังสามารถออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษา การสื่อสาร และการลบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้หลังเสียชีวิตแล้ว
การใช้สิทธิดังกล่าวจะไม่เป็นไปโดยเบ็ดเสร็จและอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายที่ใช้บังคับ
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานกำกับดูแลในท้องถิ่นหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่มีอำนาจหากเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองเป็นการละเมิดกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ
หากต้องการใช้สิทธิความเป็นส่วนตัวเหล่านี้ เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อเราได้ดังที่ชี้แจงไว้ในส่วน “วิธีการติดต่อเรา” ด้านล่าง เราอาจขอหลักฐานยืนยันตัวตนเพื่อดำเนินการตามคำขอของคุณ หากเราไม่สามารถทำตามคำขอของคุณได้ (ปฏิเสธหรือมีข้อจำกัด) เราจะชี้แจงเหตุผลในการตัดสินใจของเราเป็นลายลักษณ์อักษร
การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้
หากจำเป็น เราอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้เหมาะสมกับแนวปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่หรือที่แตกต่างออกไป ในกรณีดังกล่าว เราจะเผยแพร่นโยบายฉบับที่มีการเปลี่ยนแปลงไว้ในหน้านี้ นโยบายที่มีการแก้ไขจะมีผลใช้บังคับกับเฉพาะข้อมูลที่เก็บรวบรวมหลังวันที่นโยบายมีผลบังคับใช้เท่านั้น เราสนับสนุนให้คุณกลับมาทบทวนหน้านี้เป็นระยะเพื่อดูข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของเรา
วิธีติดต่อเรา
หากมีข้อสงสัย ข้อคิดเห็น หรือความกังวลเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือหากต้องการใช้สิทธิความเป็นส่วนตัวตามที่ได้รับอนุญาตโดยกฎหมายที่ใช้บังคับซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของเราตามที่อยู่ต่อไปนี้: Sonova AG, Laubisruetistrasse 28, 8712 Stäfa, Switzerland หรือส่งอีเมลไปที่ privacy@sonova.com
มีผลตั้งแต่: กุมภาพันธ์ 2022